รวมข้อผิดพลาดที่ HR ทำบ่อยในการใช้ Attitude Test พร้อมสอนวิเคราะห์ผลแบบทดสอบทัศนคติ
ช่วย HR คัดเลือกและพัฒนาทาเลนต์อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมแนะนำเครื่องมือช่วยให้วิเคราะห์ผลแบบทดสอบได้ดีขึ้น
.png)
การใช้ แบบทดสอบทัศนคติ (Attitude Test) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ HR ใช้ในการคัดเลือกและพัฒนาพนักงาน เพื่อให้ได้ทีมงานที่มีทัศนคติและพฤติกรรมที่เหมาะสมกับองค์กร อย่างไรก็ตาม HR หลายองค์กรยังประสบปัญหาข้อผิดพลาดในการใช้แบบทดสอบนี้ ซึ่งส่งผลให้การประเมินทาเลนต์ยังไม่แม่นยำ หรือเลือกพนักงานใหม่ที่ไม่เหมาะสมเข้ามาทำงาร
ในบทความนี้จะพาไปดูข้อผิดพลาดที่พบบ่อย พร้อมสอนวิธีวิเคราะห์ผลแบบทดสอบทัศนคติให้ถูกต้องและแม่นยำ เพื่อช่วย HR ใช้ผลลัพธ์ของ Attitude Test ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ข้อผิดพลาดที่ HR มักทำบ่อยในการใช้ Attitude Test
1. ใช้แบบทดสอบทัศนคติโดยไม่ชัดเจนในวัตถุประสงค์
หลายองค์กรนำแบบทดสอบทัศนคติไปใช้โดยไม่กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ใช้เพื่อคัดเลือกโดยไม่พิจารณาว่าทัศนคติใดสำคัญกับตำแหน่งงานจริง ๆ ส่งผลให้ผลทดสอบไม่สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร
2. ไม่ปรับแบบทดสอบให้เหมาะสมกับบริบทและวัฒนธรรมองค์กร
การนำแบบทดสอบที่ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กรหรือบริบทงานมาใช้ อาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่แม่นยำหรือไม่สะท้อนทัศนคติที่แท้จริงของพนักงานในสภาพแวดล้อมจริง
3. ขาดความเข้าใจในการวิเคราะห์ผลแบบทดสอบ
HR บางครั้งตีความผลแบบทดสอบโดยใช้ความรู้สึกหรืออคติส่วนตัว มากกว่าการใช้หลักการวิเคราะห์เชิงลึก ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด
4. ใช้แบบทดสอบทัศนคติเพียงอย่างเดียวโดยไม่รวมกับเครื่องมืออื่น ๆ
การประเมินทาเลนต์ควรใช้หลากหลายมิติ เช่น aptitude test, personality test รวมกับ attitude test เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ครบถ้วนและแม่นยำมากขึ้น
5. ไม่รักษาความเป็นส่วนตัวและความลับของข้อมูล
ข้อมูลจากแบบทดสอบทัศนคติเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อน หาก HR ไม่จัดการข้อมูลอย่างเหมาะสม อาจสร้างความไม่ไว้วางใจและส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์องค์กร

วิธีวิเคราะห์ผลแบบทดสอบทัศนคติให้เกิดประโยชน์
1. กำหนดกรอบการวิเคราะห์ที่ชัดเจนตาม Job Description
เริ่มต้นด้วยการเชื่อมโยงผลแบบทดสอบกับความต้องการและคุณสมบัติที่ระบุใน Job Description เพื่อให้รู้ว่าทัศนคติใดสำคัญและส่งผลต่อการทำงานอย่างไร
2. ใช้ข้อมูลเชิงลึกจากแบบทดสอบร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ
นำผลทดสอบมาวิเคราะห์ควบคู่กับข้อมูลสัมภาษณ์ ผลงานที่ผ่านมา หรือการประเมินจากหัวหน้างาน เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ครบถ้วนและลดความผิดพลาดจากการประเมินเพียงมิติเดียว
3. ระวังอคติส่วนบุคคลในการวิเคราะห์ผล
HR ควรฝึกตนเองให้มีทัศนคติเป็นกลาง และใช้หลักจิตวิทยาและหลักการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่เกิดจากอารมณ์หรือความรู้สึกส่วนตัว
4. วิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมและแนวโน้มทัศนคติ
ดูว่าแบบทดสอบสะท้อนพฤติกรรมการทำงานอย่างไร เช่น การแก้ไขปัญหา การทำงานเป็นทีม หรือการรับมือกับความเครียด เพื่อประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่งและวัฒนธรรมองค์กร
5. ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือช่วยวิเคราะห์
การใช้เครื่องมืออย่าง SEEN Assessment จะช่วยให้ HR สามารถวิเคราะห์ได้ง่ายขึ้น เพราะ SEEN มีทั้งแบบทดสอบ Competency และ Attitude Test ที่ครอบคลุม Dashboard วิเคราะห์ข้อมูล พร้อมไฟล์รายงานผลที่เข้าใจง่าย โดยรายงานจะช่วยวิเคราะห์ลักษณะนิสัยของผู้ทำ แสดง 5 ค่านิยมหลักที่โดดเด่น และคะแนนความเหมาะสมกับองค์กร (Matching Score)
ซึ่งช่วยให้ HR ตัดสินใจอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ หัวหน้าทีมยังสามารถใช้รายงาน Attitude Test จาก SEEN ในการนำไปออกแบบสร้างบรรยากาศทีมให้เหมาะสมได้อีกด้วย ลดอัตราการลาออกที่เกิดจากการไม่สามารถเข้ากับทีมหรือองค์กรได้
สรุป
การใช้ แบบทดสอบทัศนคติ (Attitude Test) เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก แต่ HR ต้องระวังข้อผิดพลาดที่พบบ่อย เช่น การใช้แบบทดสอบโดยไม่ชัดเจนในวัตถุประสงค์ การวิเคราะห์ผลแบบทดสอบที่ไม่เป็นระบบ หรือการใช้แบบทดสอบเพียงมิติเดียว การวิเคราะห์ผลอย่างแม่นยำและการใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์อย่าง SEEN Assessment จะช่วยให้สามารถค้นหาและพัฒนาพนักงานให้เหมาะสมกับองค์กรได้อย่างยั่งยืน
สนใจทดลองใช้งาน SEEN Assessment ฟรี ลงทะเบียน: baseplayhouse.co/seen-ability