Leadership

4 Leadership Trajectory บทบาทแห่งอนาคตของผู้นำที่จำเป็นในยุค Technology Disruption

ในโลกยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่มาจากกระแสของ Technology Disruption ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงเป็นวงกว้างต่อทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจและภาคสังคม การปรับตัวและเตรียมความพร้อมจึงไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็น “ความจำเป็น” ที่ทุกองค์กรจะต้องเผชิญหน้าและฝ่าฟันไปให้ได้ “ผู้นำ” จึงกลายมาเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถก้าวข้ามผ่านความท้าทายในการเปลี่ยนแปลง (Transformation Challenge) ได้อย่างราบรื่น หากผู้นำไม่สามารถปรับตัวได้อย่างทันท่วงทีอาจทำให้องค์กรพลาดโอกาสสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลานี้

July 3, 2025
·
0
mins
Maytwin Pitipornvivat (Mum+)
เมธวิน ปิติพรวิวัฒน์
4 Leadership Trajectory บทบาทแห่งอนาคตของผู้นำที่จำเป็นในยุค Technology Disruption

4 Leadership Trajectory บทบาทแห่งอนาคตของผู้นำที่จำเป็นในยุค Technology Disruption

ในโลกยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่มาจากกระแสของ Technology Disruption ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงเป็นวงกว้างต่อทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจและภาคสังคม การปรับตัวและเตรียมความพร้อมจึงไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็น “ความจำเป็น” ที่ทุกองค์กรจะต้องเผชิญหน้าและฝ่าฟันไปให้ได้ 

“ผู้นำ” จึงกลายมาเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถก้าวข้ามผ่านความท้าทายในการเปลี่ยนแปลง (Transformation Challenge) ได้อย่างราบรื่น หากผู้นำไม่สามารถปรับตัวได้อย่างทันท่วงทีอาจทำให้องค์กรพลาดโอกาสสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลานี้

บทบาทของผู้นำแห่งอนาคต

บทบาทของผู้นำแห่งอนาคต (The Roles Of Future Leaders) ไม่ใช่แค่เรื่องวิสัยทัศน์หรือการบริหารทีมเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงใน 2 มิติหลัก ได้แก่ Hard Element และ Soft Elements

Hard Element ประกอบไปด้วย Business Direction Transformation และ Execution Transformation โดยมุ่งเน้นที่ "โครงสร้าง" ตั้งแต่การปรับกลยุทธ์องค์กร โครงสร้างธุรกิจ ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงาน อย่าง “ADAPT” หรือปรับตัวและใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจและกระบวนการทำงาน พร้อมเผชิญหน้าความไม่แน่นอน และ “ALIGN” สร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงคนในองค์กรให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน ต้องสามารถมองภาพรวมทั้งหมดได้เป็นอย่างดี ตัดสินใจแม่นยำ และเป็นสะพานเชื่อมคนกับเป้าหมายขององค์กรเข้าไว้ด้วยกัน

Soft Elements ประกอบไปด้วย Process Transformation และ People Transformation ซึ่งมุ่งเน้นที่ "คน" โดยให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร และการพัฒนาทักษะของบุคลากรให้ตอบโจทย์อนาคต อย่าง “OPTIMIZE” หรือการมุ่งพัฒนากระบวนการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและคิดสร้าง Value ใหม่ ๆ ให้โดดเด่นเหนือใคร เต็มเปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์ กล้าเสี่ยงกับทุกความไม่แน่นอน และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์ และ “EMPOWER” หรือการสร้างคนให้เติบโต แข็งแรง และแตกต่างได้อย่างมีคุณค่า เข้าใจความหลากหลายของมนุษย์ พร้อมซัปพอร์ตความต้องการและส่งเสริมจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคลได้อย่างเหมาะสม

ด้วยเหตุนี้ BASE Playhouse ซึ่งเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการพัฒนาผู้นำแห่งอนาคตได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างกรอบแนวคิดใหม่ที่จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถปลุกปั้น “ผู้นำยุคใหม่” ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถก้าวข้ามผ่านความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงหลากหลายมิติได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนนำไปสู่การพัฒนาแนวคิดที่มีชื่อว่า “4 Leadership Trajectory” ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโมเดลผู้นำ Leaderstellar ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง

แนวทางการพัฒนาผู้นำทั้ง 4 ด้านให้กับองค์กร

แนวคิด 4 Leadership Trajectory เป็นทฤษฎีที่ถูกออกแบบให้สามารถนำไปใช้พัฒนาผู้นำในแต่ละระดับขององค์กรได้จริง ผ่านการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริง การโค้ชชิ่ง และการฝึกทำงานร่วมกันผ่านสถานการณ์จำลองที่สะท้อนความท้าทายของโลกยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นการพัฒนา 4 เส้นทางหลักที่สามารถครอบคลุมบทบาทผู้นำในหลากหลายสถานการณ์ ได้แก่ People Leader, Change Leader, Innovation Leader และ Strategic Leader

1. PEOPLE LEADER

ผู้นำแบบแรก คือ People Leader เกิดจากการเปลี่ยนแปลงบุคลากร (People Transformation) และการเปลี่ยนแปลงการดำเนินการ (Execution Transformation) ในยุค AI Disruption หมายถึง ผู้นำที่ดีต้อง “เก่งงาน” และ “เก่งคน” สามารถสร้างแรงบันดาลใจและ Empower ให้พนักงานภายในองค์กรพัฒนาศักยภาพและทำงานได้อย่างเต็มที่ 

People Leader คือ ผู้นำที่เป็น “ผู้สร้างความไว้วางใจ” และสร้างความเป็นทีมให้พร้อมต่อการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การจุดประกายและดึงศักยภาพของสมาชิกภายในทีมออกมาให้ทะลุขีดจำกัดและเหมาะสมที่สุดในทุกสถานการณ์ ผ่านความเข้าอกใจเข้าใจในตัวแต่ละบุคคลอย่างลึกซึ้ง ซึ่งผู้นำประเภทนี้จะต้องเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมเปิดใจรับความหลากหลายในการทำความเข้าใจมนุษย์อย่างลึกซึ้ง รู้จักการสื่อสารอย่างมีพลังเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และสามารถปลุกศักยภาพของทีมให้สามารถเติบโตไปพร้อมกับองค์กรอย่างยั่งยืน

หัวใจสำคัญของ People Leader คือการมี "ทักษะของความเป็นมนุษย์" (Human Skills) เริ่มตั้งแต่การทำความเข้าใจความแตกต่างของแต่ละบุคคล การฟังอย่างลึกซึ้ง การสื่อสารเพื่อสร้างพลังบวก ความเห็นอกเห็นใจ การให้ฟีดแบ็กอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงการสร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" ให้กับทีม เพื่อให้ทุกคนแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่สำคัญในการเปิดใจ เปิดบทสนทนา และพัฒนาศักยภาพอย่างแท้จริง

สำหรับองค์กรที่กำลังพบเจอปัญหาผู้นำเก่งงานแต่ไม่เก่งคน ผู้นำหัวกะทิแต่ไม่สามารถบริหารจัดการทีมให้มีประสิทธิภาพได้เท่าที่ควร หรือผู้นำสายใจดีจนไม่กล้าฟีดแบ็กสมาชิกภายในทีม การพัฒนา People Leader ของแนวคิด 4 Leadership Trajectory จะทำให้องค์กรของคุณได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป! จากผู้นำธรรมดากลายเป็น “ผู้นำผู้สร้างความไว้วางใจ” ที่สร้างสามารถบริหารจัดการทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถฟีดแบ็กการทำงานได้อย่างเหมาะสม ดึงศักยภาพของทีมออกมาได้อย่างเต็มที่และพร้อมสำหรับการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นเลิศ

2. CHANGE LEADER

ผู้นำแบบที่สอง คือ Change Leader เกิดจากการเปลี่ยนทิศทางของธุรกิจ (Business Direction Transformation) และการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน (Process Transformation) ในยุค AI Disruption การรับมือกับความท้าทายนี้จำเป็นต้องใช้มุมมองของผู้นำที่มี Growth Mindset เนื่องจากต้องเป็นผู้ที่พร้อมเรียนรู้และนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้ในการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาธุรกิจและขับเคลื่อนองค์กร

ดังนั้น Change Leader คือ ผู้นำที่เป็น “ผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง” อย่างทรงพลัง ผ่านแรงขับเคลื่อนและแรงผลักดันให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม สร้าง “พลังแห่งความกล้า” ให้กับบุคคลที่อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกภายในทีม หัวหน้า พันธมิตร หรือผู้ที่เกี่ยวข้องคนอื่น ๆ พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงทั้งตัวเอง องค์กร และกระบวนการทำงาน เพื่อก้าวเข้าสู่ “ความไม่แน่นอนที่เต็มไปด้วยความหวัง” ในอนาคต ซึ่งผู้นำประเภทนี้จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง สร้างความเชื่อมั่นท่ามกลางความไม่แน่นอน และขับเคลื่อนองค์กรให้เดินหน้าฝ่าคลื่น Disruption ได้อย่างมั่นคง

ความท้าทายของการพัฒนา Change Leader คือ ต้องเข้าใจ Soft Skills และ Change Management เป็นอย่างดี รวมถึงต้องมีทักษะการสื่อสาร สามารถพูดเพื่อโน้มน้าวใจเป็น และสามารถ Facilitate คนอื่น ๆ ได้ เพราะต้องเป็น “ตัวกลาง” ในการสื่อสารกับ Stakeholders ต้องรับมือกับความกดดันและความไม่แน่นอน รวมถึงบริหารจัดการกับการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงให้สามารถไปต่อได้อย่างราบรื่น

การพัฒนา Change Leader จะช่วยแก้ Pain Point ขององค์กรในเรื่องของการสื่อสารความต้องการได้ไม่ตรงจุดหรือการเจรจาต่อรองกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ลงตัว แนวคิด 4 Leadership Trajectory จะช่วยจัดการปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป เพราะจะช่วยสร้าง “ผู้นำผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง” ที่พร้อมปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน รวมถึงจัดการการต่อต้านและสร้างแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลง

3. INNOVATION LEADER

ผู้นำแบบที่สาม คือ Innovation Leader เกิดจากการเปลี่ยนแปลงการดำเนินการ (Execution Transformation) และการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน (Process Transformation) ในยุค AI Disruption ซึ่งองค์กรต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงาน เพื่อสร้าง New Value ให้กับองค์กร ดังนั้น คนที่เป็นผู้นำจะต้องสามารถตามทันเทรนด์ในปัจจุบันและคิดสร้างสรรค์ Value ใหม่ ๆ เพื่อยกระดับองค์กรให้อยู่เหนือใคร

Innovation Leader คือ ผู้นำที่เป็น “ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม” สามารถคิด ริเริ่ม และผลักดันแนวคิดใหม่ ๆ ให้กลายเป็นจริง เพื่อให้องค์กรเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งผู้นำประเภทนี้จะต้องเป็นคนที่มีความกล้าคิด กล้าทำ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีเหตุผล เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจเมื่อจะลงทุนสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างละเอียดรอบคอบ ลดความผิดพลาดในการทำงาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการแข่งขันอันดุเดือดในตลาดยุคดิจิทัล

ความท้าทายของการพัฒนา Innovation Leader คือ ไม่ได้มีเพียงการคิดค้นและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กลายเป็นจริง แต่คือ การพัฒนาทักษะสำหรับสร้างพื้นที่ปลอดภัยและสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้สมาชิกภายในทีมกล้าคิดนอกกรอบ กล้าลงมือทำ กล้าทดลอง และกล้าล้มเหลว โดย Innovation Leader ที่แท้จริงจะต้องมีทักษะในการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ นำพากระบวนการให้เกิดการแลกเปลี่ยนอย่างเปิดกว้าง และทำให้ทีมรู้สึกว่าเสียงของพวกเขามีความหมาย รวมถึงสามารถผลักดันแนวคิดใหม่ ๆ ให้กลายเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและคุ้มค่าต่อการลงทุน ทั้งในแง่ของทรัพยากรมนุษย์ เวลา และงบประมาณ นอกจากจะมองเห็นโอกาสในความเปลี่ยนแปลงแล้ว ยังต้องสามารถเชื่อมโยงไอเดียเข้ากับเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างลงตัว

การพัฒนา Innovation Leader เหมาะสำหรับองค์กรที่กำลังเผชิญกับปัญหานวัตกรรมที่สร้างสรรค์ออกมาไม่ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นวัตกรรมที่สร้างสรรค์ไม่สามารถเป็นไปได้จริง หรือแม้กระทั่งผู้นำที่รับผิดชอบไม่มีความรู้สึกมีส่วนร่วมกับนวัตกรรมนั้น ๆ แนวคิด 4 Leadership Trajectory จะเข้ามาเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา เพราะจะช่วยสร้าง “ผู้นำผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม” มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นสำคัญ สร้างนวัตกรรมที่เป็นไปได้และมีความหมายอย่างแท้จริง รวมถึงวิเคราะห์ความเสี่ยงทุกด้านอย่างละเอียดรอบคอบ ซึ่งช่วยผลักดันทุกการเติบโตของกระบวนการทำงาน บุคลากร และองค์กร ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

4. STRATEGIC LEADER

ผู้นำแบบสุดท้าย คือ Strategic Leader เกิดจากการเปลี่ยนทิศทางของธุรกิจ (Business Direction Transformation) และการเปลี่ยนแปลงด้านบุคลากร (People Transformation) ในยุค AI Disruption ซึ่งเป็นการทำให้ “คน” ในองค์กรมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันกับ “วิสัยทัศน์” ของการทำธุรกิจ

Strategic Leader คือ ผู้นำที่เป็น “ผู้ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์อย่างเฉียบคม” และสามารถบริหารจัดการแผนการทำงานต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้อย่างตรงจุด ซึ่งผู้นำประเภทนี้จะต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล รู้จักการวางแผนและมองเห็นโอกาสในระยะยาว สามารถวิเคราะห์คู่แข่ง จุดอ่อนจุดแข็งขององค์กร และความเสี่ยงในอนาคตได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถวางกลยุทธ์เชิงลึกและเชื่อมโยงเป้าหมายขององค์กรเข้ากับความเป็นไปของโลกภายนอกได้อย่างเฉียบคม

ความท้าทายของการพัฒนา Strategic Leader คือ ต้องสามารถปรับแผนกลยุทธ์ให้ตามทันเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยคำนึงถึงความสอดคล้องของทิศทางที่องค์กรตั้งเป้าหมายไว้ รวมถึงต้องสามารถแข่งขันในตลาดที่มีอัตราการแข่งขันสูงได้อย่างไม่แพ้ใคร

หัวใจของการเป็น Strategic Leader คือการมีทักษะ Super Thinking ซึ่งผสานการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล (Critical Thinking) หลอมรวมกับความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ซึ่งจะทำให้คนเป็นผู้นำมองเห็นเส้นทางใหม่ ๆ กล้าคิดนอกกรอบและลงมือทำสิ่งที่ท้าทายขีดจำกัดมากขึ้น เกิดเป็นความสร้างสรรค์และความแตกต่างที่โดดเด่นเหนือใคร จนพัฒนาขึ้นมาเป็นการคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking) ที่จะช่วยให้ผู้นำสามารถวางแผนระยะยาว เชื่อมโยงปัจจัยต่าง ๆ และพาองค์กรก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
การพัฒนา Strategic Leader จะช่วยแก้ Pain Point ขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นปัญหากลยุทธ์ไม่ตอบโจทย์ทิศทางขององค์กร ไม่สามารถสร้างความได้เปรียบจากกลยุทธ์ใหม่ ๆ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่คล้อยตามกลยุทธ์ขององค์กร แนวคิด 4 Leadership Trajectory จะช่วยจัดการปัญหาเหล่านี้ให้สิ้นซาก โดยการสร้าง “ผู้นำผู้ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์อย่างเฉียบคม” ผู้เป็นเลิศในการค้นคว้าหาโอกาสในการทำธุรกิจ เปลี่ยนภาพกลยุทธ์ที่วาดไว้ให้กลายเป็นแผนการดำเนินงานที่ลงมือทำได้จริงและสอดคล้องกับทิศทางเดิมที่องค์กรตั้งเป้าหมายไว้ ส่งผลให้องค์กรพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอและสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยคงความเป็นเอกลักษณ์ขององค์กรไว้ไม่ให้หายไป

เลือกพัฒนาผู้นำแต่ละด้าน ด้วยโปรแกม Leaderstellar

4 Leadership Trajectory ไม่ใช่แค่แนวทางในการพัฒนาทักษะผู้นำ แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วย ปลดล็อกทักษะผู้นำในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ตามแต่ละบุคคล เฟ้นหาจุดแข็งเพื่อดึงศักยภาพสูงสุดออกมาใช้ให้โดดเด่นเหนือใคร นำไปสู่การเป็นสุดยอดผู้นำแห่งศตวรรษที่ 21 ที่พร้อมขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวข้ามผ่านวิกฤตและความท้าทาย ไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง

หากองค์กรใดไม่อยากพลาดการเติบโตในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ”Leaderstellar“ จะเป็นโปรแกรมที่ตอบโจทย์ทุกองค์กรอย่างแน่นอน! เพราะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในการพัฒนาบทบาทความเป็นผู้นำ ช่วยยกระดับทักษะและศักยภาพในการบริหารจัดการความท้าทายที่ไม่เคยหยุดนิ่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เสริมสร้างกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ให้ผู้นำทุกระดับขององค์กรสามารถเผชิญหน้ากับวิกฤตต่าง ๆ อย่างไม่เกรงกลัว

และสิ่งสำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ ทุกองค์กรสามารถเลือกพัฒนาผู้นำในด้านต่าง ๆ ตาม Pain Point ที่องค์กรกำลังอยู่ในสภาวะวิกฤตได้อย่างตรงจุด หรือจะพัฒนาบทบาทความเป็นผู้นำทั้ง 4 ด้านไปพร้อมกันก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะโปรแกรม Leaderstellar ถูกออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดรอบคอบ ทำให้ครอบคลุมทุกความท้าทายในยุค Disruption และพร้อมเปิดโอกาสในการสร้างสุดยอดผู้นำให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ขององค์กร

Leadership Program “Leaderstellar”

การพัฒนา “บทบาทความเป็นผู้นำ” ให้พร้อมรับกับทุกการเปลี่ยนแปลงของยุคเทคโนโลยีที่หมุนเปลี่ยนก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่หลาย ๆ องค์กรต้องหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น โดยการพัฒนา Leadership Trajectory ซึ่ง BASE Playhouse มีโปรแกรม Leaderstellar ที่เป็นโปรแกรมพัฒนาผู้นำยุคใหม่ พร้อมพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย แบบครบทุกองค์ประกอบที่ต้องการ 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://swiy.co/fmx7 หรือโทร 094-191-4626