เจ้าของธุรกิจต้องลอง! นวัตกรรมที่ปรับใช้กับธุรกิจแล้วได้ผลเกินคาด
ในยุคที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงและเติบโตก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การทำธุรกิจแบบเดิม ๆ หรือมองว่าเทคโนโลยีเป็นทางเลือกอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะกลับกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ เจ้าของธุรกิจจึงมีความจำเป็นที่ต้องมองหา “นวัตกรรม” ที่สามารถยกระดับประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน

เจ้าของธุรกิจต้องลอง! นวัตกรรมที่ปรับใช้กับธุรกิจแล้วได้ผลเกินคาด
ในยุคที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงและเติบโตก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การทำธุรกิจแบบเดิม ๆ หรือมองว่าเทคโนโลยีเป็นทางเลือกอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะกลับกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ เจ้าของธุรกิจจึงมีความจำเป็นที่ต้องมองหา “นวัตกรรม” ที่สามารถยกระดับประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน
3 นวัตกรรมที่คนทำธุรกิจต้องลอง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โลกของเรากำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วกว่าที่เคย “นวัตกรรม” กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่องค์กรต่าง ๆ ต้องรีบเรียนรู้และนำมาปรับใช้กับการทำธุรกิจของตัวเอง หากไม่อยากเสี่ยงต่อการขาดทุน แล้วนวัตกรรม มีอะไรบ้าง ที่จะทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น ไม่สะดุด บทความในวันนี้ เราคัดมาให้เน้น ๆ กับ 3 นวัตกรรมที่เจ้าของธุรกิจต้องลอง ถ้าอยากให้ธุรกิจเติบโตไวและรวดเร็วกว่าใคร
1. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยคิด ช่วยขาย
คำตอบแรกของ นวัตกรรม มีอะไรบ้าง? คือ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพื่อนคู่คิดตัวจริงของคนทำธุรกิจ เพราะไม่ว่าคุณจะขายของออนไลน์ เป็นบริษัท SME หรือเป็นแบรนด์ขนาดใหญ่ หากนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ตรงจุดตรงวัตถุประสงค์ รับรองได้ว่า คุณจะสามารถขายได้มากขึ้น คิดงานได้เร็วขึ้น และดูแลลูกค้าได้ดีขึ้นมากกว่าที่เคย
ปัญญาประดิษฐ์สามารถรับหน้าที่เป็น Chatbot อัตโนมัติ สแตนด์บายคอยตอบคำถาม ให้ความช่วยเหลือ และรับออร์เดอร์ของลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยแนะนำสินค้าใหม่ที่มีแนวโน้มว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าจากการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภค สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เป็นการเพิ่มโอกาสในการขายอีกวิธีหนึ่ง
นอกจากนี้ ปัญญาประดิษฐ์สามารถรับหน้าที่เป็นคู่หูช่วยคิดคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นไอเดียบทความหรือโพสต์เจ๋ง ๆ ที่แปลก แตกต่าง และไม่เหมือนใคร ช่วยวางแผนการตลาด แนะนำกลยุทธ์การทำโฆษณาอย่างละเอียด พร้อมแนะนำสุดยอดไอเดียการทำแคมเปญที่รับรองว่าได้ผลลัพธ์สูงสุด รวมถึงช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกให้เข้าง่าย สามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
2. เทคโนโลยี VR และ AR เปิดประสบการณ์ใหม่แบบไม่ซ้ำใคร
คำตอบที่สองของ นวัตกรรม มีอะไรบ้าง? คือ เทคโนโลยี VR และ AR เป็นสุดยอดนวัตกรรมที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในยุคที่ลูกค้าต้องการมากกว่าการซื้อสินค้า “การสร้างประสบการณ์” จึงกลายเป็นอาวุธลับสำหรับองค์กรที่ต้องการเอาชนะใจกลุ่มลูกค้ายุคใหม่
เทคโนโลยี VR หรือ Virtual Reality เป็นเทคโนโลยีที่สร้าง “โลกเสมือนจริง” ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด สร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้กับลูกค้าด้วยการเปิดโลกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน เช่น การเดินชมโครงการอสังหาริมทรัพย์ผ่านการสวมแว่น VR
ส่วนเทคโนโลยี AR หรือ Augmented Reality เป็นการนำ “ภาพเสมือนจริง” มาซ้อนทับโลกแห่งความเป็นจริง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เห็นภาพผลิตภัณฑ์นั้น ๆ อย่างชัดเจน เช่น การทดลองวางเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการซื้อในห้องนอนของตัวเองผ่านโทรศัพท์มือถือ การทดลองสวมใส่เสื้อผ้าผ่านโทรศัพท์มือถือโดยไม่ต้องเดินทางไปลองที่ร้าน เป็นต้น
เทคโนโลยี VR และ AR เป็นการสร้างประสบการณ์ที่แสนน่าประทับใจให้กับลูกค้า เพราะจะได้รับทั้งความตื่นเต้น ความสนุกสนาน รวมถึงสามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการที่รับรองได้ว่าตรงตามความต้องการและถูกใจตัวเองอย่างแท้จริง เพิ่มอัตราการเปลี่ยนผู้ที่สนใจให้กลายเป็นลูกค้าจริง ส่งผลให้ยอดขายขององค์กรเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

3. นวัตกรรมสีเขียว นวัตกรรมใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
คำตอบที่สามของ นวัตกรรม มีอะไรบ้าง? คือ นวัตกรรมสีเขียว หรือ Green Innovation ในยุคที่โลกเผชิญกับสภาพอากาศ มลพิษ และสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติอย่างหนัก ผลการสำรวจจากทั่วโลกบอกว่า ลูกค้ายุคใหม่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า 70% เพราะลูกค้าสมัยใหม่ไม่ได้มองหาสินค้าหรือบริการที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการเลือกธุรกิจที่มี “ความรับผิดชอบต่อโลก” ด้วย นวัตกรรมสีเขียวจึงกลายมาเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจที่ต้องการอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
การเริ่มทำนวัตกรรมสีเขียวควรเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ก่อน เช่น การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การลดใช้กระดาษในออฟฟิศ หลังจากนั้นค่อยวางแผนระยะยาว เช่น ลดการปล่อยคาร์บอน 20% ภายใน 3 ปี เมื่อดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงค่อย ๆ ประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้ารับรู้โดยทั่วกัน
เคล็ด (ไม่) ลับ นำนวัตกรรมมาปรับใช้กับธุรกิจอย่างไรให้ได้ผลจริง
1. เริ่มต้นจากปัญหาที่แท้จริง
เคล็ดลับข้อแรกของการนำนวัตกรรมมาปรับใช้กับธุรกิจ คือ เริ่มต้นจากปัญหาที่แท้จริง เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพราะหากเราไม่เข้าใจ Pain Point ของปัญหาที่เกิดขึ้น เราก็จะไม่สามารถพัฒนาหรือปรับใช้นวัตกรรมใด ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการล่องเรือผิดทิศทาง นอกจากจะเสียเวลาและเสียทรัพยากรด้านต้นทุนแล้ว ยังอาจสูญเสียลูกค้าที่เป็น Brand Loyalty ไปอีกด้วย
การเริ่มต้นแก้ไขปัญหาหรือสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องอาศัยกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) โดยเฉพาะขั้นตอน Empathize หรือขั้นตอนการทำความเข้าใจปัญหา สามารถทำได้ง่าย ๆ จากการสำรวจพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พยายามพูดคุย สอบถาม และรับฟีดแบ็กความพึงพอใจของลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อที่จะสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อย่างทันท่วงที
ตัวอย่างเช่น หลาย ๆ ธุรกิจแข่งขันกันด้วย “ราคา” เป็นหลัก หากคุณเล็งเห็นว่าความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคืออะไร คุณก็สามารถแก้ปัญหาด้วยนวัตกรรมหรือโซลูชันใหม่ ๆ ที่ราคาถูกกว่าหรือมีความคุ้มค่ามากกว่าคู่แข่งเจ้าอื่น ๆ
2. วัดผลได้เสมอ
เคล็ดลับข้อที่สองของการนำนวัตกรรมมาปรับใช้กับธุรกิจ คือ การสร้างนวัตกรรมใหม่ต้องสามารถ “วัดผล” ได้เสมอ หากจะถามว่า ทำไมการสร้างนวัตกรรมต้องวัดผลได้จริง? ก็ต้องขอตอบตรงนี้เลยว่า “นวัตกรรมหรือสิ่งใด ๆ ก็ตามที่วัดผลไม่ได้เท่ากับไม่สามารถพัฒนาได้” นั่นก็เป็นเพราะว่า เราไม่สามารถปรับปรุงในสิ่งที่ไม่รู้ว่าดีหรือแย่แค่ไหนได้
การวัดผลสามารถทำได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การวัดผลด้วย KPI (Key Performance Indicator) การวัดผลด้วยการทดสอบ (Test) ไปจนถึงการวัดผลด้วยการเก็บฟีดแบ็กจากลูกค้า
ตัวอย่างเช่น กำหนด KPI ให้ชัดเจนก่อนลงมือทำ ไม่ว่าจะเป็น ลดต้นทุนลง 20% ภายใน 3 เดือน หรือลดเวลารอคิวของลูกค้า 50%

3. ติดตามเทรนด์อย่าให้ขาด
เคล็ดลับข้อสุดท้ายของการนำนวัตกรรมมาปรับใช้กับธุรกิจ คือ ติดตามเทรนด์อย่าให้ขาด เพราะการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่ใช่แค่เพียงคิดค้นสิ่งที่แปลกหรือแตกต่างออกมาเท่านั้น แต่ต้องอาศัยการทำความเข้าใจกระแสความนิยมของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคประกอบกันด้วย ซึ่ง “เทรนด์” ก็เปรียบเสมือนทิศทางลม หากเราสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ตามเทรนด์ได้ถูกจังหวะถูกเวลา การทำธุรกิจของเราก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น ในขณะเดียวกัน หากเราละเลยการติดตามเทรนด์ในยุคปัจจุบัน ไม่สนใจโลกภายนอก ก็ไม่ต่างจากการพายเรือทวนน้ำ นอกจากจะเหนื่อยโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ยังมีแนวโน้มที่จะเสียเปรียบธุรกิจคู่แข่งที่ปรับตัวก่อนและเร็วกว่าด้วย
ตัวอย่างเช่น การรับฟีดแบ็กจากลูกค้าบนโลกอินเทอร์เน็ต การสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค หรือการใช้เครื่องมือวิเคราะห์เทรนด์ต่าง ๆ เช่น Google Trends, AnswerThePublic เป็นต้น
องค์กรหรือธุรกิจต่าง ๆ ที่สามารถนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ได้อย่างชาญฉลาด คือธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตเร็วกว่าคู่แข่งหลายเท่า อย่ารอจนพลาดการเปลี่ยนแปลงแล้วจึงค่อยปรับตัว เริ่มตั้งแต่วันนี้ด้วยการเลือกใช้นวัตกรรมที่ใช้ แล้วผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมายจะตามมาเอง
อ้างอิงจาก
มัดรวม! 15 นวัตกรรมสุดเจ๋งใหม่ๆ ที่จะมาปฏิวัติการทำงานในอนาคต, jobsdb
หลักสูตรแนะนำ

Design Thinking for Creating Innovation
ในยุคที่เทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ การนำทักษะการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) มาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ และใช้ในการแก้ไขปัญหาและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างให้องค์กรสามารถปรับตัวได้อย่างคล่องตัว ผ่านการคิด และออกแบบนวัตกรรมใหม่ ๆ
คอร์สนี้เหมาะกับ
'Design Thinking for Creating Innovation' เหมาะสำหรับบุคลากรในระดับผู้จัดการ และผู้บริหารที่ต้องการพัฒนาทักษะความคิดเชิงออกแบบอย่างสร้างสรรค์
สิ่งที่ผู้เรียนจะได้รับ
- ได้รับมุมมองที่หลากหลาย - เริ่มจากความเข้าใจกระบวนการคิด ทำให้เกิดขึ้นได้จริง ประยุกต์ใช้เป็น เเละนำไปใช้กับทีมทำงานได้ เข้าใจลักษณะของแต่ละขั้นตอนที่แตกต่างกัน ที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทขององค์กรหรือของการทำงานที่แตกต่างกันได้
- ได้รับทักษะขั้นสูงของกระบวนการคิดเชิงออกแบบ - เพื่อทำให้ผู้เรียนมีทางเลือกในการหยิบทักษะแต่ละตัวไปใช้ และทำให้ผู้เรียนสามารถออกแบบวิธีการแก้ปัญหาได้ เมื่อเจอเคสในการสร้างนวัตกรรมจริงในองค์กร ที่ละเอียดและซับซ้อน พร้อมทั้งสามารถนำทักษะขั้นสูงไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มองภาพรวมที่ใหญ่กว่า - วิธีการการแก้ปัญหาที่ดี นอกจากจะต้องตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้กับมนุษย์ได้ ยังต้องสามารถต่อยอดเพื่อทำให้มันสามารถสร้างได้จริง และสามารถยั่งยืน (Sustain) ในมุมของธุรกิจได้ เพื่อทำให้ไอเดียหรือกระบวนการคิดที่ได้จากกระบวนการนี้ สามารถต่อยอดไปเป็นนวัตกรรมจริงในองค์กร
รายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติม > อ่านที่นี่
ติดต่อปรึกษา BASE Playhouse ฟรี! โทร 094-191-4626 หรือกรอกข้อมูลเพื่อติดต่อกลับ ที่นี่