เมื่อ Pitching คือโอกาสทอง! 4 เทคนิคสร้างความประทับใจตั้งแต่สไลด์แรก
“คุณมีเวลาไม่มากในการสร้างความประทับใจ“ และการ Pitching คือสนามจริงที่จะเป็นตัวตัดสินว่าคุณจะได้รับโอกาสให้ไปต่อหรือพลาดมันไปอย่างน่าเสียดาย

คุณเคยรู้สึกประหม่าเวลาที่ต้องพรีเซนต์งานไหม? ทั้งการพรีเซนต์งานต่อหน้าหัวหน้าทีม การนำเสนอคอนเซปต์ต่อหน้าคณะกรรมการในการแข่งขันสตาร์ทอัพ หรือแม้กระทั่งการขายงานให้ลูกค้าถูกใจจนอยากซื้อในทันที สถานการณ์เหล่านี้ดูเหมือนจะต้องใช้ทักษะความสามารถที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ “คุณมีเวลาไม่มากในการสร้างความประทับใจ“ และการ Pitching คือสนามจริงที่จะเป็นตัวตัดสินว่าคุณจะได้รับโอกาสให้ไปต่อหรือพลาดมันไปอย่างน่าเสียดาย
หลายคนคิดว่าการ Pitching คือการเล่าไอเดียแบบยาว ๆ และใส่ทุกสิ่งทุกอย่างลงไปใน Presentation ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ผิด! เพราะในความเป็นจริงแล้ว “สไลด์แรก” ของ Presentation ต่างหากที่จะชี้ชะตาความเป็นไปได้ของคุณในวินาทีถัดไป
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่ามนุษย์โดยเฉลี่ยใช้เวลาเพียง 7 - 10 วินาทีแรกเพื่อตัดสินว่าการพรีเซนต์งานในครั้งนี้น่าสนใจหรือไม่ ซึ่งหมายความว่า หากคุณเริ่มพรีเซนต์งานด้วย Presentation ที่ไม่น่าสนใจและไม่ดึงดูด โอกาสที่จะปิดดีลหรือชนะใจผู้ฟังย่อมหายวับไปกับตา
ในทางตรงกันข้าม หากคุณสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังได้ตั้งแต่ Presentation สไลด์แรก คุณก็จะสามารถนำพาพวกเขาเข้าสู่เรื่องราวของคุณ เพิ่มโอกาสให้พวกเขาตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบ และเพิ่มเปอร์เซ็นต์ในการปิดดีลได้อย่างมีนัยสำคัญ
บทความในวันนี้ BASE Playhouse จะพาคุณไปสำรวจว่าการ Pitching คืออะไร? ทำไมถึงเป็นสิ่งสำคัญ พร้อมเผยเคล็ดลับดี ๆ ที่จะทำให้การพรีเซนต์งานของคุณกลายเป็นมืออาชีพและดึงดูดความสนใจจากผู้ฟังตั้งแต่วินาทีแรก! — เพราะโอกาสไม่เคยมีสัญญาณเตือน เมื่อโอกาสนั้นมาถึงคุณจะต้องคว้าไว้ด้วยการพรีเซนต์งานอันทรงพลัง จำไว้ว่า “การ Pitching คือโอกาสทองของความสำเร็จ“

Pitching คืออะไร? ทำไม Pitching คือโอกาสทอง?
เชื่อว่าใครหลายคนคงคุ้นเคยกับคำว่า “Pitching” เป็นอย่างดี เพราะมักพบเจอในโลกของธุรกิจและการทำงาน ซึ่งความหมายของคำว่า Pitching คือ การพรีเซนต์งาน การนำเสนอโครงการ หรือการขายไอเดียในระยะเวลาสั้น ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวใจผู้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ผู้บริหาร ไปจนถึงลูกค้าคนสำคัญ
ความแตกต่างระหว่างการพรีเซนต์งานทั่วไปกับการ Pitching คือ แรงกดดันและความชัดเจนของเป้าหมาย หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ การพรีเซนต์งานอาจเป็นสถานการณ์ปกติทั่วไปในการรายงานผล แต่การ Pitching คือ การขายความเชื่อมั่นเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกและสนับสนุนคุณ
ความสำคัญนี้นี่เองที่ทำให้การ Pitching ได้ชื่อว่าเป็น “โอกาสทอง” ของเหล่าบริษัทน้อยใหญ่ เพราะการ Pitching คือประตูบานใหญ่ที่จะทำให้องค์กรของคุณได้รับโอกาสใหม่ ๆ อย่างเงินลงทุน โปรเจกต์สำคัญ หรือลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งอาจเปลี่ยนเส้นทางธุรกิจของคุณได้ภายในระยะเวลาไม่กี่นาที แต่ผลลัพธ์ของการ Pitching จะอยู่กับคุณไปตลอดกาล
เพราะ Pitching คือสิ่งสำคัญ! 4 เทคนิคสร้างความประทับใจตั้งแต่สไลด์แรก
1. เลือกใช้ Hook ที่ดึงดูดความสนใจตั้งแต่แรกพบ
เทคนิคข้อแรกของการ Pitching คือ การเลือกใช้ Hook ที่ดึงดูดความสนใจตั้งแต่แรกพบ ในชีวิตจริงนั้น การ Pitching คือการแข่งขันกับเวลา เพราะคุณมีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่จะทำให้ผู้ฟังตัดสินใจว่าจะตั้งใจฟังคุณต่อไปหรือไม่ Presentation ตั้งแต่สไลด์แรกและประโยค Hook เพื่อเปิดการพรีเซนต์งานจึงเปรียบเสมือนประตูบานสำคัญที่จะชี้ชะตาความสำเร็จของการพรีเซนต์งานทั้งหมด
Hook ที่ดีไม่ใช่แค่คำพูดที่สวยหรู แต่ต้องสิ่งที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกตื่นเต้น สะดุดใจ และอยากฟังต่อ ซึ่งอาจเริ่ม Hook ด้วยคำถามชวนคิด เช่น “คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางธุรกิจถึงสามารถเติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะที่อีกหลายธุรกิจกลับปิดตัวลงภายในเวลาไม่กี่ปี?” หรือการยกสถิติที่น่าตกใจเพื่อสร้างแรงกระแทกทางความคิด เช่น “คุณรู้หรือไม่ว่า 70% ของสตาร์ทอัพล้มเหลวใน 5 ปีแรก?” ข้อเท็จจริงเหล่านี้ทำหน้าที่ปลุกผู้ฟังให้ตื่นตัวและอยากรู้ว่าคำตอบหรือวิธีแก้ปัญหาจะเป็นอย่างไร
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การเลือก Hook ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักลงทุนอาจสนใจข้อมูลเชิงตัวเลขหรือข้อมูลตลาดที่ชี้ให้เห็นโอกาสทางธุรกิจ ในขณะที่ลูกค้าทั่วไปอาจต้องการฟังเรื่องราวง่าย ๆ หรือประโยชน์ที่จับต้องได้ การปรับ Presentation และวิธีการพรีเซนต์งานให้เข้ากับผู้ฟังแต่ละกลุ่มจะช่วยให้ Hook ของคุณเชื่อมโยงตรงกับความต้องการของพวกเขาได้จริง
2. ทำสไลด์แรกให้ Simple แต่ Impactful
เทคนิคข้อที่สองของการ Pitching คือ การทำสไลด์แรกให้ Simple แต่ Impactful เพราะ Presentation สไลด์แรกในการ Pitching คือประตูด่านแรกที่ลูกค้าจะได้สัมผัสกับไอเดียและโปรเจกต์ของคุณ หลาย ๆ มักพลาดเพราะพยายามใส่ข้อมูลลงไปใน Presentation สไลด์แรกมากที่สุดเพื่อให้ดูครบถ้วน (และเยอะ) แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้าม เพราะความอัดแน่นของ Presentation จะทำให้ผู้ฟังเสียสมาธิและสับสน
การทำ Presentation ที่ดีสำหรับการ Pitching คือ การทำสไลด์ให้เรียบง่ายแต่ทรงพลัง หรือที่คุ้นหูกันดีว่า “Less is More” ซึ่งหมายถึงการตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้สารที่เหลืออยู่โดดเด่นมากขึ้น ไม่ว่าใครมองเพียงปราดเดียวก็สามารถเข้าใจได้ในทันที รวมถึงมีเวลาสบตาและโฟกัสกับผู้พูดโดยไม่จำเป็นต้องมองสไลด์นาน

3. สื่อสาร Pain Point ของลูกค้าอย่างชัดเจน
เทคนิคข้อที่สามของการ Pitching คือ การสื่อสาร Pain Point ของลูกค้าอย่างชัดเจน เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณเข้าใจปัญหาของพวกเขาจริง ๆ หากลูกค้าไม่รู้ว่าไอเดียของคุณเกี่ยวข้องกับ Pain Point ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่อย่างไร ไม่ว่าไอเดีย นวัตกรรม หรือการบริการของคุณจะน่าสนใจมากเพียงใด ก็ไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจไปต่ออยู่ดี
ดังนั้น การออกแบบ Presentation สไลด์แรกหรือช่วงต้น ๆ ของการพรีเซนต์งานด้วยการพูดถึง Pain Point นั้น ๆ จะเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนให้ลูกค้าเห็น “ตัวเอง” ในสิ่งที่คุณกำลังจะอธิบายและเกิดความเชื่อมโยงไปพร้อม ๆ กัน
ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลัง Pitching ในหัวข้อ “Solution ด้านการจัดการต้นทุน” การสื่อสาร Pain Point ด้วยการเปิดประโยคว่า “ทุกวันนี้ SME ไทยกว่า 80% ขาดระบบจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ” จะช่วยสร้างแรงสะท้อนในทันที เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่า นี่แหละคือปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่! และคุณอาจเป็นจิ๊กซอว์ที่กำลังมองหาอยู่ก็เป็นได้
4. Storytelling ก็สำคัญไม่แพ้กัน
เทคนิคข้อสุดท้ายของการ Pitching คือ การใช้พลังของการเล่าเรื่อง (Storytelling) ก็สำคัญไม่แพ้กัน นอกจากข้อมูลและสถิติจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่จะสร้างความน่าจดจำให้กับการ Pitching คือ การใช้พลังของการเล่าเรื่องหรือ Storytelling เพราะมนุษย์เชื่อมโยงกับเรื่องราวมากกว่าสถิติตัวเลขแห้ง ๆ โดยการ Storytelling ที่ดีควรมีองค์ประกอบทั้งหมด 3 อย่าง ได้แก่ คน ปัญหา และทางออก
คุณอาจเริ่มต้นการพรีเซนต์งานด้วยการเล่าเรื่องของนักธุรกิจคนหนึ่ง (คน) ที่กำลังประสบปัญหาต้นทุนบานปลายจนเกือบทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงัก (ปัญหา) จากนั้นค่อย ๆ บิลต์อารมณ์ด้วยการเล่าว่า Solution ของคุณจะเข้ามาช่วยจัดการปัญหานี้อย่างไรและผลลัพธ์ที่ลูกค้าจะได้คืออะไร (ทางออก) เพียงเท่านี้ก็เข้าใกล้การปิดดีลได้สำเร็จ
การใช้พลังของการเล่าเรื่องหรือ Storytelling ไม่จำเป็นต้องร่ายยาว ยืดเยื้อ แต่ควรเป็นการเล่าเรื่องแบบกระชับและชัดเจน แต่เรื่องที่เล่าจะต้องทรงพลังและเชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้ฟังมากพอ จนพวกเขาเห็นภาพว่าไอเดียของคุณสามารถเป็นไปได้จริง
การ Pitching ที่ดีไม่จำเป็นต้องอลังการ แต่การ Pitching คือการสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงและสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบ ซึ่งทำให้คุณสามารถพลิกเส้นทางชีวิตธรรมดาให้กลายเป็นชีวิตที่ประสบความสำเร็จได้ภายในพริบตา
อ้างอิงจาก
Pitching คืออะไร? ทำไมต้อง Pitch?, KCT ACADEMY
หลักสูตรแนะนำ

Art of Meeting Room Presentation
พูดอย่างไรให้ปัง ชนะใจผู้ฟังทุกเวที
ทุกการประชุมนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากและมีความหลากหลายแตกต่างกันไปตามบริบท ถึงแม้ลักษณะการประชุมจะแตกต่างแต่ทุกการประชุมล้วนอาศัยการสื่อสารและการนำเสนอข้อมูลจำนวนมาก เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจที่สำคัญต่อทิศทางอนาคตหรือไปจนถึงผลประโยชน์ขององค์กร
คอร์สนี้เหมาะกับ
'Art of Meeting Room Presentation' เหมาะสำหรับบุคลากรในทุกระดับขององค์กร
สิ่งที่ผู้เรียนจะได้รับ
- Data Storytelling - มีความสามารถในการเลือกใช้ Chart ให้เหมาะสมกับข้อมูลจำนวนมาก และสามารถนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ
 - Rhetorical & Presentation Design - มีความสามารถในการนำหลักการจูงใจมาใช้ในการนำเสนอได้อย่างเหมาะสม และสามารถออกแบบสื่อประกอบการนำเสนอที่สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 - Identifying Audience and Decision Maker - สามารถระบุลักษณะและวิเคราะห์ความต้องการของผู้รับสารหรือผู้ตัดสินใจในที่ประชุมได้
 
รายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติม > คลิกที่นี่
ติดต่อปรึกษา BASE Playhouse ฟรี! โทร 094-191-4626 หรือกรอกข้อมูลเพื่อติดต่อกลับ ที่นี่






